พิธีทอดผ้าป่า เป็นการทำบุญอีกอย่างหนึ่งของชาวพุทธ
คล้ายกับพิธีทอดกฐิน แต่ไม่มีกำหนด ระยะเวลาจํากัด
คือสามารถจะทอดเมื่อไรก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังไม่เจาะจง
เกี่ยวกับภิกษุที่จะรับผ้ากฐินแต่อย่างใด
พิธีทอดผ้าป่า
ให้ผู้เป็นเจ้าภาพไปแจ้งความประสงค์แก่เจ้าอาวาส
ที่ต้องการจะนำผ้าป่ามาทอด เรียกว่า เป็นการจองผ้าป่า
เมื่อกำหนดเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการตั้งองค์ผ้าป่า ซึ่งสิ่งสำคัญ
ที่จะต้องมีก็คือ ๑. ผ้า ๒. กิ่งไม้สำหรับพาดผ้า และ ๓. ให้อุทิศถวาย ไม่เจาะจง
พระรูปใด รูปหนึ่ง
เจ้าภาพจะจัดหารผ้าสำหรับภิกษุมาผืนหนึ่ง
อาจเป็นสบง จีวร สังฆาฏิ หรือทั้ง ๓ อย่าง แล้วแต่ศรัทธาเพราะไม่มีข้อกำหนด
นำกิ่งไม้ไปปักไว้ในภาชนะขนาดพอสมควร เพื่อใช้เป็นที่พาดผ้าป่า
และใช้สำหรับนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จะถวายพระ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว
ผ้าอาบนํ้าฝน สมุด ดินสอ ฯลฯ สำหรับเงินหรือ ปัจจัยนั้นนิยมเสียบไว้
กับต้นกล้วยเล็กๆ ในกองผ้าป่านั้น
ในสมัยโบราณ ไม่มีต้องจองผ้าป่า
เมื่อเจ้าภาพนำองค์ผ้าไปถึงแล้ว ก็จุดประทัด หรือส่งสัญญาณ ด้วยวิธีหนึ่ง
ให้พระท่านรู้ว่ามีผ้าป่า เป็นอันเสร็จพิธี หรือ จะอยู่รอให้พระท่าน
มาชักผ้าป่าด้วยก็ได้
ให้นำผ้าป่าไปวางต่อหน้าภิกษุสงฆ์
กล่าวถวายผ้าป่า พระสงฆ์รูปหนึ่งผู้ได้รับฉันทานุมัติ
จากหมู่สงฆ์ก็จะลุกขึ้นเดินถือตาลปัตรมาชักผ้าบังสุกุลที่องค์ผ้าป่า
โดยกล่าวคำปริกรรมว่า "อิมัง ปังสุกุลละจีวะรัง อัสสามิกัง มัยหัง
ปาปุณาติ" แปลเป็นใจความได้ว่า
"ผ้าบังสุกุลผืนนี้เป็นผ้าที่ไม่มีเจ้าของหวงแหน ย่อมตกเป็นของข้าพเจ้า"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น